บทที่ 7 ตอนที่ 7

“นังสไบมันไล่พวกกูออกจากไร่น่ะสิ แค่เสพยาบ้า แม่งต้องไล่ออกเลยหรือไง”

ไอ้หนึ่งในสามคนบ่นอย่างหงุดหงิด พลางจ้องเขม็งมาที่หล่อน

“วันนี้กูจะเลื่อนขั้นจากอดีตคนงานในไร่รุจิเรขเป็นผัวของน้องสาวมัน ดูสิว่านังสไบมันจะทำยังไง”

“อย่า... อย่านะ อย่า...”

ม่านทองคลานหนีแต่ไม่พ้น ข้อเท้าถูกมันกระชากเข้าไปที่ข้างทาง พวกมันทั้งสามคนแห่รุมกันเข้ามาหา ไม่ว่าจะดิ้นรนยังไงก็หนีไม่รอด

“อย่า... อย่าทำฉันเลย...”

“เดี๋ยวจะไม่ร้องแบบนี้คนสวย”

เสียงหัวเราะของพวกมันดังซ้ำแล้วซ้ำเล่า สร้างความสยดสยองให้กับม่านทองยิ่งนัก แต่ก่อนที่พวกมันจะเอามือหยาบช้ามาฉีกทึ้งชุดนักศึกษาของหล่อนออกไปจากร่าง ฝ่าเท้าของใครหลายคนก็ถล่มยับลงมาหาพวกมัน

“พี่สไบ...”

ม่านทองเสียขวัญหนักมาก สไบนางรีบคว้าร่างของน้องสาวไปกอดแนบอกปลอบประโลม ในขณะที่ปล่อยให้ลูกสมุนของตัวเองประเคนฝ่าเท้าใส่ไอ้สามนรกส่งมาเกิดนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“เอามันให้ตายคาตีนไปเลยนะพวกเอ็ง เดี๋ยวข้ามาให้รางวัล”

สไบนางตะเบ็งเสียงสั่นลูกสมุน และแน่นอนว่าเสียงต่อมาก็คือเสียงครวญครางของไอ้สามนรกนั่นที่ดังกระหึ่ม

“ม่าน... ไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่เป็นอะไรแล้ว”

“พี่สไบ... ม่านกลัว... กลัว...”

“ไม่ต้องกลัว พี่อยู่นี่แล้ว จะไม่มีใครกล้ามาทำร้ายน้องสาวของพี่ได้อีก”

เสียงสะอึกสะอื้นของน้องสาวยิ่งทำให้สไบนางรู้สึกผิดมากยิ่งขึ้น นี่ถ้าหล่อนไม่มัวแต่ไปสนอกสนใจหาข่าวสารอยู่กับไร่ของเสี่ยอ้วน หล่อนก็คงไม่ออกมารับม่านทองช้า และแน่นอนว่าม่านทองก็ไม่ต้องมาเจอเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้ หล่อนผิดทุกอย่าง

“พี่สไบ...”

“กลับบ้านกันนะ ไม่มีอะไรแล้ว...”

ร่างอ่อนแรงของม่านทองถูกประคองให้ลุกขึ้นจากพื้นถนน ก่อนที่สไบนางจะถอดเสื้อเชิ้ตของตัวเองให้กับน้องสาวสวมทับเสื้อนักศึกษาที่เปรอะมอมแมม ในขณะที่ตัวเองเหลือเพียงแค่เสื้อยืดสีขาวแขนสั้นเพียงตัวเดียวเท่านั้น

“ไอ้ส้มจุก ลากมันสามคนกลับไปที่ไร่ ข้าจะลงมาจัดการกับพวกมันอีกรอบ”

“อย่าเลยพี่สไบ... ปล่อยพวกมันไปเถอะ”

ม่านทองวิงวอนทั้งน้ำตา

“ม่านไม่อยากให้มีเวรต่อกันอีกนะพี่สไบ”

“ไม่ได้หรอกม่าน ถ้าปล่อยไป พวกมันก็จะกลับมาดักทำร้ายม่านหรือไม่ก็คนในครอบครัวเราอีก พี่จะเอาพวกมันเข้าคุก”

“อย่า... อย่าเอาพวกเราเข้าคุกเลย ปล่อยพวกเราไปเถอะ”

พวกมันได้ยินว่าจะส่งเข้าคุกก็ประสานเสียงกันวิงวอน แต่สไบนางใจแข็ง

“หุบปากไปเลยไอ้พวกนรก พวกมึงทำผิดยังจะมีหน้ามาร้องขอทางเลือกอีกเหรอ ไม่มีทาง พวกแกได้เข้าคุกแน่”

“พี่สไบ... ถือว่าม่านขอร้องล่ะ ปล่อยคนพวกนี้ไปเถอะ ถือว่าเลิกแล้วต่อกัน”

ดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาของน้องสาวทำให้สไบนางถึงกับต้องกระแทกลมหายใจออกมา

นี่ถ้าไม่รู้สึกผิดกับม่านทองล่ะก็ หล่อนไม่มีทางยอมให้เรื่องจบแบบตีงูหลังหักแบบนี้แน่

“ม่าน”

“นะพี่สไบ ถือว่าม่านขอร้อง”

สไบนางไม่เต็มใจเลยแต่ก็จำเป็นต้องทำ

“ก็ได้ นี่เห็นแก่ม่านหรอกน่ะ”

หญิงสาวผู้เป็นพี่พูดออกมาอย่างหงุดหงิดก่อนจะหันไปสั่งลูกสมุนของตัวเอง

“ไอ้ส้มจุกลากพวกมันไปปล่อยนอกเขตไร่รุจิเรข แล้วอย่าให้เข้ามาอีก”

“ครับลูกพี่”

ส้มจุกกับเพื่อนอีกสองคนรีบจัดการตามที่ลูกพี่อย่างสไบนางสั่งทันที

สไบนางมองไปจนลับตาก่อนจะหันมาพูดประชดน้องสาว

“พอใจแล้วนะแม่คนใจดี จะถูกมันข่มขืนอยู่แล้วยังจะไปเมตตามันอีก”

“ม่านก็แค่อยากให้คนพวกนั้นเลิกแค้นพี่สาวของม่าน...”

สไบนางมองหน้าน้องสาวแล้วอมยิ้ม พร้อมกับยกมือขึ้นยีเส้นผมของม่านทองอย่างเอ็นดู

“จ้า แม่คนดีศรีแผ่นดิน”

ม่านทองหัวเราะขบขันลืมความหวาดกลัวไปทีละน้อย ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่สไบนางต้องการเป็นที่สุด หล่อนไม่อยากให้น้องสาวฝันร้ายในค่ำคืนนี้

“กลับบ้านกันเถอะ แม่รออยู่”

“ค่ะพี่สไบ”

สองสาวที่วัยห่างกันแค่เพียงหนึ่งปีเดินกอดคอกันตรงไปยังรถกระบะสี่ประตูที่จอดอยู่ห่างออกไปเกือบสามร้อยเมตร พร้อมทิ้งความหวาดกลัวเอาไว้เบื้องหลังทั้งหมด

“ม่าน... ไปคลุกฝุ่นที่ไหนมาเนี่ยลูก”

วัตถาตกใจกับสภาพของม่านทองไม่น้อย เพราะถึงแม้จะมีเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตของสไบนางสวมคลุมชุดนักศึกษาเอาไว้อยู่ แต่ความเปื้อนเปรอะก็ยังคงมากมายจนเห็นได้อย่างชัดเจน

“เกิดเรื่องนิดหน่อยค่ะแม่ แต่ตอนนี้สไบจัดการได้แล้ว”

คนเป็นพี่ตอบแทนน้องสาว

ผู้เป็นแม่เลื่อนสายตามองหน้าคนตอบ และคาดคั้น

“คงไม่ได้พาน้องไปชกต่อยกับคู่อริมาใช่ไหมสไบนาง”

“แหม... แม่ก็เรียกสไบเสียเต็มยศเลย”

“ไม่ต้องทำเป็นพูดดีเลย ตอบแม่มาว่าเกิดอะไรขึ้น”

วัตถาจ้องหน้าสไบนางและม่านทองด้วยสายตาคาดคั้น ม่านทองก้มหน้าหลบตา มีแต่สไบนางที่ยิ้มเจื่อนๆ สู้สายตา

“มีคนมาดักฉุดม่านมันน่ะแม่”

“ห๊า!”

วัตถาแทบช็อก รีบเข้าไปลูบหน้าลูบหลังม่านทองด้วยความเป็นห่วง

“แล้วพวกมันทำอะไรลูกหรือเปล่าม่าน... มันทำอะไรลูกของแม่หรือเปล่า”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป